-
CASE STUDY 1 กองทุนที่ปันผลเยอะกว่า ย่อมแสดงว่าผลงานดีกว่า จริงหรือ?
ติต่างว่า กองทุน A และ B ทั้งสองกองทุน เริ่มขายหน่วยลงทุนวันที่ 2012-01-01
โดยขายหน่วยลงทุน หน่วยละ 10 บาทเท่ากัน ทั้งนี้ CASE STUDY นี้ไม่ได้มีการหักภาษีเงินปันผลเพื่อให้ง่ายต่อการทำความเข้าใจ
กองทุน A ในหนึ่งปี จ่ายปันผลออกมาดังนี้
2012-03-01 1 บาท
2012-06-01 1 บาท
2012-09-01 1 บาท
2012-12-01 1 บาท
เวลาสิ้นปี 2012 NAV ของหน่วยลงทุน A คือ 20 บาท
กองทุน B ในหนึ่งปี จ่ายปันผลออกมาดังนี้
2012-06-01 2 บาท
เวลาสิ้นปี 2012 NAV ของหน่วยลงทุน B คือ 22 บาท
ถามว่ากองทุน A ทำผลงานได้ดีกว่ากองทุน B หรือเปล่า เพราะว่าปันผลออกมาตั้ง 4 บาท
หรือว่ากองทุน B ทำผลงานได้ดีกว่า เพราะ NAV ราคาตั้ง 22 บาท
คำตอบคือเปล่าครับ ทั้งสองกองมีผลการดำเนินงานเท่าๆกัน
เพราะอะไร? เพราะเงินปันผล คือเงินส่วนที่หักออกมาจาก NAV หรือ Capital Gain ไงครับ
กอง A ซื้อมา 10 ท้ายปี 20 คิดเป็นผลกำไร 10 บาท บวกเงินปันผลรวม 4 กลายเป็นผลตอบแทนรวมทั้งปี 14
กอง B ซื้อมา 10 ท้ายปี 22 คิดเป็นผลกำไร 12 บาท บวกเงินปันผลรวม 2 กลายเป็นผลตอบแทนรวมทั้งปี 14 เท่ากัน
พอลองมาคำนวนดูแล้ว น่าจะเข้าใจมากขึ้นใช่ใหมครับ
-
CASE STUDY 3 ซื้อกองทุนหลังปันผล เพื่อให้ได้ราคาถูกลง จริงหรือ?
CASE STUDY นี้ไม่ได้มีการหักภาษีเงินปันผลเพื่อให้ง่ายต่อการทำความเข้าใจ
โดยติต่างว่า SET Index หรือหน่วยอ้างอิง NAV ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงราคาใดๆในวันที่ 2012-03-01 และ 2012-03-02
และสมมุติให้มีการซื้อหน่วยลงทุน แล้วทำการขายหน่วยลงทุนเวลาสินปี
กองทุน A ในหนึ่งปี จ่ายปันผลออกมาดังนี้
2012-03-01 1 บาท
วันที่ 2012-03-01 NAV ของหน่วยลงทุน A มีค่า 20 บาท
วันที่ 2012-03-02 NAV ของหน่วยลงทุน A มีค่า 19 บาท
พอสิ้นปี NAV ของกองทุน A กลายเป็น 30 บาท
ถามว่า ถ้าซื้อหน่วยลงทุนหลังปันผลคือวันที่ 2012-03-02 จะสามารถซื้อหน่วยลงทุนได้ถูกกว่าการซื้อหน่วยลงทุนก่อนปันผลหรือเปล่า
เพราะราคาต่อหน่วยถูกกว่า ทำไห้ได้จำนวนหน่วยลงทุนมากกว่า
คำตอบคือผิดครับ เพราะถึงเราจะซื้อก่อนปันผล แต่เราก็ยังได้เงินปันผลคืนมาเท่ากับมูลค่าส่วนต่างที่เราซื้อหน่วยลงทุนไปอยู่ดี ซึ่งทำให้ต้นทุนการซื้อหน่วยลงทุน เท่ากัน
ซื้อก่อนปันผล 20 บาท ปลายปีขายได้ 30 คิดเป็นผลกำไร 10 บาท บวกเงินปันผลรวม 1 บาท กลายเป็นผลตอบแทนรวม 11 บาท
ซื้อหลังปันผล 19 บาท ปลายปีขายได้ 30 คิดเป็นผลกำไร 11 บาท ไม่ได้เงินปันผล กลายเป็นผลตอบแทนรวม 11 บาท เท่ากัน
ปล. ในความเป็นจริงคุณจะต้องเสียภาษีเงินปันผลด้วย จึงทำให้การซื้อหลังปันผลได้ประโยชน์กว่า
-
แถม CASE STUDY เกี่ยวกับการจ่ายเงินปันผลของกองทุน
สูตรการคำนวนผลตอบแทนรวมคือ
(หน่วยลงทุนของปีล่าสุด + (เงินปันผลทั้งหมด - ภาษี)) - หน่วยลงทุนของปีที่ต้องการเปรียบเทียบย้อนหลัง = capital gain + เงินปันผลรับจริง
ตัวอย่างวิธีคำนวนอย่างละเอียด เผื่อใครสงสัยว่ามีวิธีคำนวนผลตอบแทนยังไงนะครับ (ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลได้ที่ http://www.thaimutualfund.com/AIMC/aimc_navCenter.jsp)
======================================================
HI-DIV
2013-01-04 | 11.4821 << NAV ปัจจุบัน
2010-01-04 | 11.9903 << NAV ย้อนหลัง
================= ตารางเงินปันผล ==========================
2010-01-22 | dividend = 1.50 | total_div = 1.5
2010-04-29 | dividend = 0.50 | total_div = 2
2010-07-30 | dividend = 1.00 | total_div = 3
2010-10-20 | dividend = 1.25 | total_div = 4.25
2011-02-11 | dividend = 1.17 | total_div = 5.42
2011-05-04 | dividend = 1.40 | total_div = 6.82
2012-02-13 | dividend = 0.70 | total_div = 7.52
2012-04-05 | dividend = 1.00 | total_div = 8.52
2012-07-23 | dividend = 0.65 | total_div = 9.17
2012-09-20 | dividend = 0.75 | total_div = 9.92
2012-12-17 | dividend = 0.75 | total_div = 10.67
======================================================
รวมเงินปันผล = 10.67
คำนวนตามสูตร
(11.4821 + (10.67 - 10%)) - 11.9903 = 9.0948
คิดผลตอบแทนเป็น เปอเซ็น
(9.0948 x 100) / 11.9903 = 75.8513 %
======================================================
======================================================
KFSDIV
2013-01-04 | 15.6869 << NAV ปัจจุบัน
2010-01-04 | 10.4448 << NAV ย้อนหลัง
================= ตารางเงินปันผล ==========================
2010-02-12 | dividend = 0.30 | total_div = 0.3
2010-05-17 | dividend = 0.50 | total_div = 0.8
2010-08-11 | dividend = 0.50 | total_div = 1.3
2010-11-08 | dividend = 1.00 | total_div = 2.3
2011-02-14 | dividend = 0.50 | total_div = 2.8
2011-05-13 | dividend = 0.50 | total_div = 3.3
2011-08-11 | dividend = 0.50 | total_div = 3.8
2011-11-10 | dividend = 0.50 | total_div = 4.3
2012-02-14 | dividend = 0.50 | total_div = 4.8
2012-05-14 | dividend = 0.50 | total_div = 5.3
2012-08-10 | dividend = 0.50 | total_div = 5.8
2012-11-08 | dividend = 1.00 | total_div = 6.8
======================================================
รวมเงินปันผล = 6.8
คำนวนตามสูตร
(15.6869 + (6.8 - 10%)) - 10.4448 = 11.3621
คิดผลตอบแทนเป็น เปอเซ็น
(11.3621 x 100) / 10.4448 = 108.7824 %
======================================================
CASE STUDY ด้านบน สมมุติว่านักลงทุน ได้ลงทุนในกองทุนย้อนหลังกลับไปเมื่อสามปีที่แล้วในทั้งสองกองทุนเท่าๆกัน พอในปัจจุบันได้ทำการสั่งขายกองทุนทั้งสองกองพร้อมๆกัน เมื่อนำผลตอบแทนมาเทียบกัน จะมีวิธีคำนวนตังตารางด้านบน
จากการคำนวน จะเห็นว่าเงินปันผลรวมของ HI-DIV เยอะกว่า KFSDIV เกือบเท่านึง
แต่... พอคำนวน performance จริงๆ กลับออกมาน้อยกว่าพอสมควร
นี่คือสาเหตุที่ผมบอกว่า ไม่ควรมองไปที่จำนวนเงินที่ปันผลเพียงอย่างเดียว
การปันผลออกมาเยอะ ไม่ได้เป็นข้อบ่งชี้ว่ากองทุนนั้น ทำผลงานได้ดีกว่าอีกกอง...
ทั้งนี้การคำนวนดังตัวอย่าง ไม่ได้คำนวนถึงวิธีการ reinvest เมื่อได้เงินปันผลกลับมา ซึ่งแน่นอนว่าการปันผลออกมามากกว่า ย่อมมีผลต่อ performance ของกองทุน
Posting Permissions
- You may not post new threads
- You may not post replies
- You may not post attachments
- You may not edit your posts
-
Forum Rules